• เปิดดู
    1,118
ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน

ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน เป็นแหล่งความรู้ และเป็นโรงงานผลิตน้ำมันจากเมล็ดชา และพืชน้ำมัน ซึ่งศูนย์วิจัยฯ จะผลิตน้ำมันคุณภาพสูง สำหรับการบริโภค และทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ เช่น เครื่องสำอางค์​ ยังเป็นโรงงานต้นแบบ ที่สามารถเข้าชมได้ทุกจุด ของการดำเนินงาน ซึ่งมีขั้นตอนที่เข้าใจง่าย สะอาด และคำนึงถึงระบบสิ่งแวดล้อม แบบธรรมชาติ มีระบบควบคุมการใช้พลังงาน และรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่สวยงามทันสมัย เป็นทั้งจุดท่องเที่ยวที่สวยงาม และเป็นแหล่งความรู้ เกี่ยวกับพืชน้ำมัน ยังมีร้านอาหาร และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไว้บริการอีกด้วย 




อาคารศูนย์ชาน้ำมัน

ความเป็นมา
ในปี พ.ศ.2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการศึกษา และทดลองปลูกชาน้ำมันจากประเทศจีน สายพันธ์ุ Camelia oleifera และพืชน้ำมันอื่นๆ เพื่อผลิตนำมันเมล็ดชาในประเทศไทย

หลังจากนั้นมีพระราชดำริให้จัดตั้ง "ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและ พืชน้ำมัน" เพื่อเป็นโรงงานผลิตน้ำมันจากเมล็ดชา และพืชน้ำมัน ซึ่งศูนย์วิจัยฯ จะผลิตน้ำมันคุณภาพสูง สำหรับการบริโภค และทำผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่นๆ เช่น เครื่องสำอางค์​ เป็นต้น

นอกจากนั้นยังมีส่วนผลิต ผลิตภัณฑ์จากกากวัตถุดิบที่เหลือ เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุด จากทุกส่วนของพืชนั้นๆ รวมถึงเป็นโรงงานต้นแบบ ที่สามารถเข้าชมได้ทุกจุด ของการดำเนินงาน ซึ่งมีขั้นตอนที่เข้าใจง่าย สะอาด และคำนึงถึงระบบสิ่งแวดล้อม แบบธรรมชาติ มีระบบควบคุมการใช้พลังงาน และรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่สวยงามทันสมัย 

บริเวณด้านนอกอาคารได้รับการออกแบบให้เป็นส่วนพักผ่อนสาธารณะ ซึ่งเป็นทั้งจุดท่องเที่ยวที่สวยงาม และเป็นแหล่งความรู้ เกี่ยวกับพืชน้ำมัน ยังมีร้านอาหาร และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไว้บริการอีกด้วย 




แปลงปลูกชาน้ำมัน 
มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้นำเนินงานโครงการศึกษาและ พัฒนาการปลูกต้นชาน้ำมัน ตั้งแต่ปี 2548 โดยนำเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนของต้นชาน้ำมัน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาทดลองปลูก ในพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 500 เมตร แถบภาคเหนือ และ ตะวันออกเฉียงเหนืของประเทศไทย เช่น บริเวณพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง พื้นที่บ้านปางมะหัน และบ้านปูนะ จังหวัดเชียงราย 

คุณสมบัติของน้ำมันชา
มีกรดไขมันอิ่มตัว (ไขมันไม่ดี) ต่ำ (10-15%) และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว (ไขมันดี) สูง (81-87%) โดยแบ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวหรือ กรดโอเลอิก (กรดโอเมก้า9) ประมาณ 72-78% กรดไขมันไม่อ่มตัวหลายตำแหน่ง คือ กรดไลโนเลอิก (กรดดอเมก้า6) และกรดแอลฟาไลโนเลนิก (กรดโอเมก้า3) ประมาณ 1-10% 

กรดไขมันอิ่มตัวเหล่านี้ สามารถช่วยลด ระดับ LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่ม HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี) ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคอัมพาต โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ จึงดีต่อสุขภาพ ของผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน สตรีมีครรภ์ และผุ้สูงอายุ 

ประโยชน์อื่นๆของน้ำมันชา
สามารถนำปผลิตเครื่องสำอางบำรุงเส้นผม และผิวพรรณต่างๆ เช่น ครีมและโลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด สบู่ ยาสระผม หรือผสมกับน้ำมันหอมระเหย กากเมล็ดชา (Tea seed meal) ที่ได้จากการหีบน้ำมันสามารถ ใช้เป็นยากำจัดศัตรูพืช เช่น หอยเชอรี่ในนาข้าว และปลาในบ่อกุ้ง และยังใช้เป็นส่วนผสมในการผลิต น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ 

ลักษณะพิเศษของน้ำมันชา 
น้ำมันชาเป็นที่รู้จักในประเทศจีนมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่า เป็นน้ำมันมะกอกแห่งโลกตะวันออก เนื่องจากมีองค์ประกอบ ของไขมันที่ดีต่อร่างกายไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก และไม่มีกรดไขมันทรานส์ จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ ดี อี และเค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้น้ำมันชายังอุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูง เช่น วิตามินอี และสารคาเทชิน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น และมีจุดเดือดเป็นควันสูงมากกว่า 250 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถประกอบอาหารได้ หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผัด ทอด หรือใช้เป็นส่วนผสมของน้ำสลัด หรือซอสหมักเนื้อสัตว์ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :: ที่ตั้ง 888 ถ.พหลโยธิน ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 57130

โทร / แฟ็กซ์ :: ติดต่อได้ที่ 053-734140-2 ต่อ 208,202

โฮมเพจ / เว็บไซต์ :: https://www.facebook.com/TeaOilCenter